พุยพุย
ยินดีต้อนรับเข้าสู้เว็บบล็อก ขอรับเจ้านาย

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557



...สวัสดีคร้บ...ผู้เยี่ยมชมเว็บบล็อกทุกท่าน...ยินดีต้อนรับเข้าสู่การเว็บบล็อก...
นายชัชวาลย์ ชัยพรม นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง  สาขาสังคมศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่2
บล็อกนี้จัดทำขึ้นในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
 ประจำภาคเรียนที่ 1/2557  โดยเนื้อหาจะมีทั้งหมด8บท
ผู้จัดทำหวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมชมทุกท่านนะคร้บ 


วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557



คำอธิบายรายวิชา

              ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล
ระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพวิเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่าง เหมาะสมได้


วัตถุประสงค์ในรายวิชา

             เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้

       1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้

       2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้

       3. ยกตัวอย่างเทคโนดลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้

       4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้

       5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้

       6. บอกความหมายและองค์ประสกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้

       7. อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้

       8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้

       9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้

     10. บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้

     11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้

     12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้

     13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้

     14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้

     15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้






เนื้อหาบทเรียน

       หน่วยการเรียนที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

       หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

       หน่วยการเรียนที่ 3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์

       หน่วยการเรียนที่ 4 ซอฟต์แวร์

       หน่วยการเรียนที่ 5 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

       หน่วยการเรียนที่ 6 อินเตอร์เน็ต

       หน่วยการเรียนที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน

       หน่วยการเรียนที่ 8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน




รูปแบบของกระบวนการเรียนการสอน

        วิธีสอน : เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning)

        เนื้อหาบทเรียน : เนื้อหาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู

        เครื่องมือกำกับการเรียนรู้ : ความซื่อสัตย์(integrity)



กิจกรรมการเรียนการสอน

       -การบรรยายประกอบสื่อในชั้นเรียนปกติ (traditional classroom)

       -การศึกษาค้นคว้าด้วยสื่อออนไลน์หรือเว็บบล็อก

       -การสรุปและนำเสนอในชั้นเรียนด้วยสื่อ ICT

      -การอภิปรายแสดงความคิดเห็น

      -การสรุปเป็นรายงาน

      -การทดสอบเพื่อวัดและประเมินผล



ความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรม

            คุณธรรมจริยธรรมนับว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญของคนทุกคนและทุกวิชาชีพ หากบุคคลใดหรือวิชาชีพใดไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเป็นหลักยึดเบื้องต้นแล้วก็ยาก ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จแห่งตนและแห่งวิชาชีพนั้นๆ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือการขาดคุณธรรมจริยธรรมทั้งในส่วนบุคคลและในวิชาชีพ อาจมีผลร้ายต่อตนเอง สังคมและวงการวิชาชีพในอนาคตได้อีกด้วย ดังจะพบเห็นได้จากการเกิดวิกฤติศรัทธาในวิชาชีพหลายแขนงในปัจจุบัน ทั้งวงการวิชาชีพครู แพทย์ ตำรวจ ทหาร นักการเมืองการปกครอง ฯลฯ จึงมีคำกล่าวว่าเราไม่สามารถสร้างครูดีบนพื้นฐานของคนไม่ดี และไม่สามารถสร้างแพทย์ ตำรวจ ทหารและนักการเมืองที่ดี ถ้าบุคคลเหล่านั้นมีพื้นฐานทางนิสัยและความประพฤติที่ไม่ดี ดังพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระมหากษัตริ-ยาธิราช ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ. ศ.2525 ไว้ ดังนี้

            การจะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลที่พึงปรารถนา คือให้เป็นประโยชน์และเป็นธรรมด้วยนั้น จะอาศัยความรู้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้ จำเป็นต้องอาศัยความสุจริต ความบริสุทธิ์ใจ และความถูกต้องเป็นธรรม ประกอบด้วย เพราะเหตุว่าความรู้นั้น เสมือนเครื่องยนต์ที่ทำให้ยวดยานเคลื่อนที่ไปได้ประการเดียว ส่วนคุณธรรมดังกล่าวแล้ว เป็นเสมือนหนึ่งพวงมาลัยหรือหางเสือ ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำทางให้ยวดยานดำเนินไปถูกทางด้วยความสวัสดี คือ ปลอดภัย บรรลุจุดประสงค์..”
           จริยธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญในสังคม ที่จะนำความสุขสงบและความและความเจริญก้าวหน้ามาสู่สังคมนั้นๆ เพราะเมื่อคนในสังคมมีจริยธรรม จิตใจก็ย่อมสูงส่ง มีความสะอาด และสว่างในจิตใจ จะทำการงานใดก็ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ไมก่อให้เกิดทุกข์แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นบุคคลมีคุณค่ามีประโยชน์ และสร้างสรรค์คุณงามความดี อันเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไป ความซื่อสัตย์  ความหมาย ประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง

ข้อคิด “ซึ่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”
“ความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมของคนดี”
“อย่าทำให้ผู้อื่นหมดความไว้วางใจในตัวเรา”
“สายตาที่สื่อถึงความจริงใจ คือพลังแห่งมิตรภาพ”


ประโยชน์ของการมีความซื่อสัตย์
        1.ทำให้มีความเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

        2.เป็นคนเปิดเผย จริงใจต่อตนเองและผู้อื่น

        3.เสริมสร้างให้ตัวเองเป็นคนกล้าหาญ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง

       4.เป็นที่เชื่อถือ และไว้ใจของคนอื่น

       5.ชีวิตมีความสุข



โทษของการไม่มีความซื่อสัตย์

      1.ชีวิตและหน้าที่การงานไม่ประสบความสำเร็จ

      2.ถูกมองเป็นคนขี้โกง ทุจริต ไม่มีระเบียบวินัยต่อตนเองและผู้อื่น

      3.ไม่เป็นที่เชื่อถือของคนอื่น

      4.อาจหันไปประกอบอาชีพทุจริต ทำผิดกฎหมาย



เนื้อหาในพระคัมภีร์

“พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์” ( สภษ 2 : 7 )
“อย่าให้ความจงรักภักดี และความซื่อสัตย์ทอดทิ้งเจ้า จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้าจงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า” ( สภษ 3 : 3 )
“คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กน้อยจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะอสัตย์ในของมากเช่นกัน” ( ลก 16 : 10 )
“เพราะเรามุ่งที่จะเป็นคนสัตย์ซึ่อ มิใช่เฉพาะแต่ในสายพระเนตรองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในสายตาของคนทั้งปวงด้วย” ( 2 คร 8 : 21 )
“ต้องเป็นคนเอาการเอางาน ไม่ใส่ร้ายผู้อื่น เป็นคนรู้จักประมาณตน และเป็นคนสัตย์ซึ่อในประการทั้งปวง” ( 1 ทธ 3 : 11 )
“สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกีย์ตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม” ( ทต 2 : 12 )



เรื่องสั้นหรือบทความ ผลของความซื่อสัตย์

                ข้าพเจ้ามีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าหุ้มส้น ผูก สีน้ำตาลเพื่อใช้กับเครื่องแบบตรวจการ ได้เข้าไปดูที่ร้านรองเท้ามีชื่อแห่งหนึ่ง พบรองเท้าสีน้ำตาล ผูก แต่เป็นแบบสปอร์ต จึงถามคนขายว่า รองเท้าแบบนี้ใช้กับเครื่องแบบตรวจการได้หรือไม่ เขาบอกว่าใช้ได้ ข้าพเจ้าไม่ทันได้อ่านระเบียบชัดเจนก็นึกว่าคงจะใช้ได้ แต่ใจหนึ่งคิดว่าไปอ่านระเบียบเสียให้แน่นอนก่อน จะได้ไม่เสียเวลาและเงินเปล่า จากนั้นจึงได้ไปดูที่ร้านรองเท้าอีกแห่งหนึ่ง ก็พบรองเท้าสีน้ำตาลแบบเดียวกันนั้นเข้าอีก แต่คนขายพูดคนละอย่างว่า “รองเท้าสีน้ำตามแบบสปอร์ตนี้ ถ้าจะว่ากันตามระเบียบจริง ๆ แล้ว ก็ใช้แต่งกับเครื่องแบบตรวจการไม่ได้ ต้องใช้แบบเรียบ ๆ รองเท้าแบบตรวจการเคยมีจำหน่ายทีนี่ แต่บัดนี้หมดเสียแล้ว” ข้าพเจ้านึกชมคนขายนั้น ที่พูดตามความจริง ก็เลยซื้อรองเท้าคู่นั้น ไม่ใช่เพื่อจะเอามาใช้กับเครื่องแบบตรวจการ แต่ซื้อเพื่อเป็นรางวัลความสุจริตของผู้ชายคนนั้น มีคนเป็นอันมาก ที่ยอมพูดเท็จเพื่อหากำไรเพียงเล็กน้อย แต่ต้องสูญเสียกำไรมาก ๆ ที่จะได้ภายหลัง คนขายของที่หลอกลวงผู้ซื้อมักตั้งร้านอยู่ไม่รอด หรือไปรอดก็หาทางเจริญไม่ได้ การที่คนยอมพูดเท็จนั้น ก็โดยเหตุสองอย่างคือ โลภหนึ่ง เห็นแก่ตนเองหนึ่ง ความโลภและความเห็นแก่ตนเอง ทำให้คนนั้นขาดความสัตย์สุจริต ถ้าอยู่กับคณะก็ทำให้คณะต้องเสียชื่อเสียง อยู่ในสังคมก็ทำให้สังคมต้องเดือดร้อน ถ้ามีคนอย่างนี้ในชาติมากๆ ก็ทำให้ชาติวุ่นวาย แตกแยก หาสามัคคีมิได้ เบนจามิน แฟรงกลิน ปราชญ์คนสำคัญของอเมริกาให้คำเตือนใจ ที่มีชื่อเสียงมากไว้คำหนึ่งว่า “ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นวิธีการเยี่ยมยอด ”  ท่านผู้อ่านควรยึดเป็นทางปฏิบัติในการดำรงชีวิต จะเห็นว่าได้ผลเกินคาด


พฤติกรรมที่ปรารถนาให้ผู้เรียนปฏิบัติ
        + ฝึกที่จะเป็นคนซื่อตรงต่อตนเอง และผู้อื่นในทุก ๆ เรื่อง
        + กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อยืนยันถึงความซื่อสัตย์ของเราและเรียกร้องให้คนรอบข้างเรา                    ซื่อสัตย์ด้วย